สาวหน้าเหลี่ยม กลายเป็นเน็ตไอดอลยอดวิวเป็นล้าน เพราะเธอศัลยกรรมกลับมาจากเกาหลี สวยปานนางฟ้า!

กระทู้นี้ตั้งใจเขียนขึ้นมาเพราะว่า ตอนเราหารีวิว หน้าสั้นค้างย้อยแบบเราทำหน้าที่เกาหลีนี่หาดูยากมาก
เห็นแต่ตามรายการ แบบหน้ายาวคางยื่น make over กัน เลยอยากแชร์ประสบการณ์ให้ดูกันนะคะ

หน้าเดิมเป็นอย่างไรทำไมต้องไปศัล ? >>
พื้นฐานเดิมเป็นคนมีป้มด้อยจ้า ไม่สวยก็อยากสวยเป็นธรรมดา ปัญหาโครงหน้ามีดังนี้ค่ะ
– ฟันเยิน
– คางสั้น
– แก้มเยอะ
– หน้าไม่เท่ากัน
– กล้ามเนื้อกรามจากการนอนกัดฟัน

รูป Before นะคะ >>

นั่นล่ะค่ะ ไม่ต้องบรรยายมาก 5555 รูปจริงหน้าตรงนี้ถ่ายไม่เกิน 1-2 วันก่อนทำค่ะ ที่จริงหนัก 44-45 สูง 155 ไม่ได้อ้วนไรมากมายเลยค่ะ
ตอนวัยรุ่นนี่หนักไม่เกิน 42 หน้าก็ย้วยแบบนี้ค่ะ แต่ด้วยความที่หน้าเป็นงี้เลยดูอ้วนเซ็งมาก

ที่หนักที่สุดคือรูปที่ดูโอเคคือรูปเอาผมมาปิดหน้า 2-3 ปีที่ผ่านมาเลยกลายเป็นรูปหน้าตรงผมบังแก้ม แนวนี้หมด เที่ยงต่างประเทศนี่ถ่ายไกลๆหันข้างอย่างเดียวค่ะ 555 ตลกตัวเอง

ก่อนไปทำที่เกาหลีเคยศัลอะไรมาบ้าง >>

โครงหน้า [ผ่าตัดเล็ก + botox]
– ดัดฟัน 3 รอบ รวมระยะเวลาดัดฟัน 12 ปี
– ทำจมูก แบบซิลิโคน 8 ปี
– ปากบนบาง 2 ปี
– botox 2 ปีมาแล้ว
– เมโสแฟต 2 ปีมาแล้ว

ผ่าตัดใหญ่ แบบวางยา
– ทำหน้าอก 10 เดือน

!! ทำไมถึงตัดสินใจไปทำที่เกาหลี !!

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เริ่มอยากทำคาง เพราะอยากทำให้หน้ายาวหน้าเรียว ก็ดูในนี้ล่ะค่ะ ดั้งโด่ง เห็นคนที่เค้าไม่มีแก้มเค้าก็ทำกันสวยดี ก็หาข้อมูลใหญ่เลยค่ะ หมอไหน อะไรยังไง ทีนี้พอดีไปทำ ปาก กับหมอท่านนึงในไทย[ขอไม่เอ่ยนามไว้ค่อยเอ่ยนามในกระทู้ปากค่าเดี๋ยวสับสน] หมอก็แบบดี๊ดี บอกไม่ควรทำจ้า ทำเอางงค่า 555 หมออธิบายว่ามันจะเป็นคนละก้อนกันกับแก้ม อธิบายไงดีแบบคางออกมาเป็นติ่งอ่าค่ะแก้มด้านข้างยังย้วยเหมือนเดิม หมอก็แบบแนะนำให้ฉีด botox กับเมโสแฟต ลดแก้ม ก็เลยฉีดเมโสค่ะ มันจะบวมมากๆๆๆๆละยุบลง เป็นการสลายไขมัน แต่บอกเลยมันเจ็บมากกกนะคะ และต้องทำต่อเนื่อง เราซื้อคอสเลยจ้าแต่ทำไม่หมด ไม่ค่อยชอบค่ะ

ก็หาข้อมูลใหม่ เจอคนหน้าคล้ายๆเราไปทำอีกที่ ไอ้เราก็ตามไปเจอหมอ บอกหมอ อยากทำคางเอาแบบนี้ คำตอบเดิมจ้า ไม่ควรทำ เหมือนหมอข้างบนบอกเลย ฉีด botox ดีกว่า เลยจัดมา 1 ชุด ของอังกฤษ หลายเดือนผ่านไปมันก็ลดลงค่ะ แต่มันก็กลับมาเร็วค่ะ 7-8 เดือนสภาพเดิม อาจเพราะเรานอนกัดฟันด้วย ทีนี้เริ่มมาคิดละ คือ เราไม่ชอบอะไรที่ฉีดๆๆ คือไม่ได้กลัวเข็มนะแต่กลัวผลข้างเคียง อีกอย่างด้วยความงกคิดว่ามันเห็นผลนิดเดียวและต้องย้ำๆๆ botox ครั้งนึงก็ 15,000 ทุก 6 เดือน เลยเลิกฉีดค่ะ ปล่อยวาง

ต่อมาไปเจอรายการ let me in เมื่อปีที่แล้วแบบ wow มากจ้า เคสของน้องคนนี้

เลยหาข้อมูลทางเกาหลี เห็นเจอแต่แบบหน้ายาว ทำขากรรไกร และราคาก็แพงเอาเรื่องยังเก็บตังไม่ถึงค่ะ
ก็หาข้อมูลเพิ่มว่าที่ไทยมีหมอคนนึง ทำ V-line แบบไม่แพง ดูรีวิวก็ดูดี แต่อ่านรีวิวแล้วเครียดอยู่นาน เนื่องจากหมอวางยาสลบนาน ต้องไปรอที่คลินิกแบบอดอาหารหลายวัน แล้วไม่รู้จะได้ทำเมื่อไหร่คิวไม่แน่นอน แต่ต้องอดรอ เราเลยตัดสินใจเก็บตังต่อค่ะ กลัวอันตรายค่ะ เป็นคนเลือดจางเม็ดเลือดแดงไม่สมบูรณ์ค่ะ คิดว่าเสี่ยงเกิดอีกอย่างคือแฟนต้องลางานเค้าก็เป็นห่วงอยากดูหลังผ่าแต่ถ้า ไม่รู้ได้ผ่าเมื่อไหร่ก็มีปัญหาอีก

เลยตัดสินใจเป็นที่เกาหลีอย่างเดียวค่ะ

ติดต่ออะไรยังไงกับโรงพยาบาลในเกาหลี >>>

พอดูโอเคแล้วก็โทรติดต่อค่ะ จะมีเบอร์ในเฟสบุ๊ค รพ. เค้าก็จะให้เราส่งรูปด้านหน้าตรง 45องศา และด้านข้าง no makeup แล้วเค้าก็จะถามค่ะว่าเราไม่ชอบส่วนไหน และจะตอบกลับมามาทำไรได้บ้างค่ะ ตอนที่ปรึกษา คิดว่าจะทำ V-line + V3lifting + โหนกแก้ม[แต่ขอปรึกษาหมอก่อน]

ต่อมาเค้าจะถามว่าเราอยากได้หมอคนไหน เราเลือกได้ ไอ้ตอนนี้ล่ะค่า ที่ยาก ดูมากทุกอย่างยกเว้นดูเรื่องหมอ 5555 นานเลยค่ะตอนนี้ ปกติคุณหมอโครงหน้าของ id ที่เห็นในรายการบ่อยๆคือคุณหมอ Dr. Park Sanghoon ไอ้เราก็ลังเลค่ะ ถึงทีมงานไทยจะบอกว่า คุณหมอทุกคนทำได้เหมือนกัน ที่เห็นทางรายการ มีแต่คนหน้ายาวเพราะเค้าคัดเลือกคนที่ทำออกมาแล้วเห็นความแตกต่างชัดเจน เลยขอเวลาหาข้อมูลหมอท่านอื่นๆเพิ่มค่ะ

ไปชอบเคส คุณหมอ Dr. Lee Ji-Hyuk ผ่าตัดให้ชาวจีนค่ะ

ตัดสินใจโทรบอกโรงพยาบาลเลยจ้า ที่จริงมีอีกเคสนะคะที่หน้าอ้วนๆ คุณหมอ Lee เป็นคนผ่าแต่เราหารูปไม่เจอ ต้อง google ชื่อคุณหมอเป็นเกาหลี จากที่สอบถามคุณหมอ Lee ดังมากๆที่เกาหลี และจีน ผ่าที่ ID มานานแล้วค่ะ แต่คนไทยอาจจะไม่ค่อยเห็น
ค่าใช้จ่ายคุณหมอทุกคนเท่ากันค่ะ เลือกคนไหนก็ได้จ้า คุณหมอทำโครงหน้าหลายคน ตามรูปเลย
ส่วนตัวชอบผลงานคุณหมอ Dr. Lee Ji-Hyuk ที่วงแดงไว้ค่า

การจองคิวของ รพ.ไอดี ไม่เหมือนของรพ.ที่ไทยนะคะ!! >>

คืออย่างปกติที่ไทยโทรถามวันว่างก่อนแล้วโอนจองหรือจ่ายเงินที่คลินิกใช่ไหมคะ
ที่ ไอดี คิวเค้าจะเปะมาก ต้องทำตามนี้ค่ะ ต้องกรอกรายละเอียดก่อนว่าจะปรึกษาวันไหนและผ่าวันไหน เจ้าหน้าที่จะส่งให้
เสร็จแล้วต้องโอนเงินก่อนถึงจะทราบคิววันปรึกษา คือจะถามก่อนก็ได้ค่ะว่าคิว วันที่ระบุว่างไหม แต่สำคัญนะคะ คิวเปลี่ยนทุกชั่วโมงค่ะ ถ้าจะเอาใกล้ๆเช่น ระหว่างคุณไปโอนคนเกาหลีก็จองคิวนั้นไปแล้วไรงี้ คือ รพ. เค้าค่อนข้างเป็นระเบียบ นะคะ มีหมอหลายคนด้วย ไม่ต้องรอคิวแบบ ครึ่งปี ข้ามปีค่ะ
ไม่ต้องห่วงค่ะ เราจองได้คิวไม่ถึงเดือนค่ะ น่าจะ 2-3 weeksเองจ้า ทางทีดีถ้ามันใจ ให้โอนก่อนค่ะ เพราะอย่างเราโอน ธนาคาร กรุงเทพ รอ 3 วันทำการ วันหยุดไม่นับ เพราะงั้นคำนวนวันกันให้ดีค่ะ เมื่อเงินเข้าแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาและ คอนเฟิมวันกันอีกทีค่ะ

ค่าใชจ่ายในการจองคิวโครงหน้า 1 ล้านวอนค่ะ

พอได้วันก็จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมค่ะ จะให้ทางเจ้าหน้าที่จองให้ที่มีคอนแท็คกับ รพ. หรือเราหาเองได้หมดค่ะ

เราบิน T’way กลับ Jeju เนื่องจากราคาถูกค่ะ เวลาดีค่ะ ถึงเช้า กลับ ดึกค่ะ

ทำโครงหน้าต้องอยู่เกาหลีอย่างน้อย 14 วันนะคะหลังผ่า ของเราอยู่ 16 วันค่ะ
จะมีรถ รับที่สนามบิน ประหยัดไป 80,000 won รถรับ-ส่งโรงแรม รพ. ประมาน 3 ครั้งค่ะ

มาต่อจ้า แก้ไขโพสไม่เป็น พิมต่อเลยละกันนะคะ
ปาล์มถึงเกาหลีตอนเช้า เครื่องดีเลย์ 1-2 ชั่วโมง คือเจ้าที่ที่ รพ. แจ้งว่าลงเครื่องอย่าไปไหนน๊า
จะมีคนรับถือป้ายรออยู่ที่ประตูที่เรารับกระเป๋า รับกระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกมาดูคนรถยังรออยู่ไหม 555

พี่ที่ถือป้ายรอจะเป็น taxi ค่า สนามบิน กับกังนัมค่อยข้างไกลนะคะ 1 ชม ด้วยรถยนต์
ปกติ เค้าเรียก 80,000 won แต่ถ้าเราผ่าตัดกับ รพ กี่อย่างไม่รู้ ของเราทำ 3 อย่างเค้าก็บริการ ฟรีค่า

พอไปถึงรพ ไอดี บรรยากาศโอเคเลยค่า มีป้าย let me in 4 ตั้งอยู่ พนักงานหน้าตาดีหมดค่ะ ตั้งแต่พนักงานต้อนรับ ยันพยาบาล สุดยอด น่าจะศัลกันมาหมดค่ะ

ขั้นตอนการปรึกษาวันแรกเยอะมากๆเผื่อเวลาไว้ก็ดีนะคะ ของปาล์มให้เวลาทั้งวันเลย
คือเราจะเลือก ปรึกษาแล้วผ่าวันเดียวกัน หรือปรึกษาแล้วผ่าวันอื่นก็ได้ จะเลือกแบบไหนต้องจองคิวตั้งแต่ที่ไทยนะคะ
ของปาล์มเลือกปรึกษาและผ่ารุ่งขึ้น เพราะบินกลางคืนและปกตินอนบนเครื่องไม่หลับค่ะ วันแรกเลยพักก่อนดีกว่า

– ถึงโรงพยาบาลก็แจ้งชื่อ ยื่น passport ที่เคาท์เตอร์แรก ตามรูปบนจ้า

– จะมีพนักงานให้ไปนั่งด้านในจะมีเหมือนร้านกาแฟให้บริการฟรีสำหรับลูกค้า ไอดี ตอนแรกเห็นมีคนชงจริงจังไม่กล้าสั่งนึกว่าไม่ฟรี 555

– น้องล่ามจะเข้ามาแนะนำตัว ช่วยกรอกแบบฟอร์มของโรงพยาบาล ก็ทั่วไปนะคะ อายุ แพ้ยาอะไร เคยผ่าตัดไรมาบ้าง ต้องการทำไร ไม่ชอบส่วนไหน ประมานนี้ จำไม่หมด

– ขึ้นลิฟท์ไป CT แสกน หลายมุมอยู่ค่า มีแบบหมุนรอบด้วย อยู่ที่ไทยเคยเอ็กสเรย์ อัลตร้าซาว เจอไรแปลกๆในร่างกาย เวลาจะขอหมอ CT เพื่อให้เห็นสิ่งนั้นชัดเจน ทีนึงแพงมากมาย เป็นหมื่น อันนี้เค้าไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มนะคะ

– เจาะเลือด ดูกรุ๊ป ดูว่าเลือดจางไหม ปาล์มถาม รพ. ว่ามีเลือดเตรียมไว้ไหมเราเลือดจาง พยาบาลบอกผ่าได้สบายใจ กลับไทยกินยาเพิ่มเลือดด้วย ส่วนเลือด รพ.มีเตรียมไว้ทุกกรุ๊ปจ้า

– ถ่ายรูป 4 มุม เป็นรูปก่อนทำ จากที่เคยดู VDO เหมือนคุณหมอจะดูรูปคู่กับฟิล์มตอนผ่าด้วยนะคะ

รูปหน้า รพ. กับวิวชั้นบน ของ รพ.ค่า

– ปรึกษากับผู้ช่วยคุณหมอค่ะ ผู้ช่วยคุณหมอ จะถามเราว่าไม่ชอบตรงไหน อยากทำอะไร แล้วเค้าจะแนะนำค่ะว่าควรทำไรบ้าง
ขั้นตอนนี้อยากถามไรถามเลยนะคะ เกี่ยวกับขั้นตอน วิธีการทำ อะไรพวกนี้ ปาล์มดูในเน็ทมาพอสมควร เลยไม่ได้ถามถึงขั้นตอนเท่าไหร่
ถามแต่ว่า จะเล็กลงกี่ mm ท่าเดียว 55 เค้าแนะนำมาให้ทำหลายอย่างไม่ต้องกังวล แล้วแต่เราจะตัดสินใจได้ค่ะ
จำไม่ค่อยได้แล้วนะจะมีการจับหน้าดูมุม อธิบาย ว่า ทำ V-line lifting V3 ตัดโหนก เป็นยังไง ประมานนี้ค่า

ต่อมาก็เจอคุณหมอนะคะ
ปาล์มเลือกคุณหมอ Dr. Lee Ji-Hyuk [เขียนไว้ด้านบนละเน้อว่าทำไมเลือกคุณหมอ Lee นะคะ]

คุณหมอก็จะบอกว่าทำไรได้บ้างใกล้เคียงกับคุณผู้ช่วยหมอคนสวยค่ะ
คุณหมอจะเปิด ที่เราทำ CT กระโหลกก่อนหน้านี้ แล้วประเมิณค่ะ
บอกได้เลยนะคะว่าข้างไหนเท่าไหร่ ค่อนข้างชัดเจนไม่ต้องแบบจินตนาการเยอะเลยจ้า
คุณหมอดูละเอียดนะคะ จับหน้านู่นนี่ ปิดมุม กรามให้เราดูในกระจกว่าจะได้ประมานไหนยังไง

การทำ CT จะเห็นตำแหน่งของเส้นประสาท เลยนะคะ จากในรูปคุณหมอทำเส้นแดงๆไว้นั่นคือเส้นประสาทค่า

เนื่องจากปัญหาของเราคางสั้น คุณหมอจึงทำ V-line แบบ ยื่นกระดูกปลายคางมาด้านหน้านิดนึงให้ดูคางยาว
คือ V-line แก้ปัญหาได้หลายอย่างนะคะ คางยาว หน้าเบี้ยว คางสั้น คางเหลี่ยม แต่ละปัญหาเทคนิคการทำจะต่างกันค่า

ตอนเจอหมอลังเลมาก ว่าจะทำโหนกแก้มด้วยดีไหม เพราะที่จริงโหนกก็ไม่มีอยู่แล้ว
คุณผู้ช่วยหมอบอกก่อนหน้านี้ว่า หน้าเบี้ยวที่จริงก็ควรทำนะ ไอ้เราก็ลังเล
หมอบอกว่า ถ้าอยากได้เล็กมากๆก็ควรทำ จะได้ดูเล็กทั้งหน้า ไม่ใช่เล็กแต่ด้านล่าง
แต่บอกได้เลยนะคะจากที่เจอคนเกาหลีแบบไม่ศัลโหนกแก้มเค้าใหญ่จริงๆค่ะ ใหญ่กว่าบ้านเรามาก
แต่ไม่ได้ใหญ่แบบนูนเฉพาะส่วนแบบสาวอีสานบ้านเรานะ เค้าแบบใหญ่ทั้งหน้ากันเลยค่ะ

ในขณะที่ลังเลหมอก็เปิดรูปไปมา ไอ้เราก็เห็นรูปหน้าตรงที่ รพ ถ่ายไว้ หน้าดูเบี้ยวมากๆๆๆๆ ก็ตัดสินใจทันที ทำโหนกแก้มด้วยค่า 555

สรุป ปาล์มให้ คุณหมอ Dr. Lee Ji-Hyuk ทำสวยให้ดังนี้ค่า

– ทำโหนกแก้ม คุณหมอแจ้งว่า หน้าไม่เท่ากันข้างนึงทำได้เล็กลงได้ 4 mm อีกข้าง 6 mm น่าจะประมานนี้นะคไม่แน่ใจตอนนั้นตื่นเต้น 55

– V-line ปรับกรอบรูปหน้าตัดตั้งแต่กรอบใบหูลงมา อันนี้คุณหมอแจ้งว่ามุมกรามนี่ตัดได้ถึง 14mm กับ 11 mm ไรประมานนี้ค่า
คุณหมอบอกโดยรวมหน้าจะดูเล็กลงจากด้านหน้าข้างละ 6 mm อันนี้แค่ในส่วนของกระดูกนะคะ เดี๋ยวด้านล่างมีทำให้หน้าเล็กกว่านี้อีก
ตัดแต่งกระดูกคางให้เล็กลงและยื่นออกมาด้านหน้า เทคนิคนี้ก็เหมือนเสริมคางด้วยกระดูกตัวเองจ้า อันนี้จำไม่ได้ว่าได้ขนาดเท่าไหร่

ปาล์มเพิ่มข้อมูล V-line ให้ดูนะคะ ที่ ID เค้าเครมว่าเค้าเป็นผู้คิดค้น V-line และเป็น ผู้เชี่ยวชาญ อันดับ 1 เรื่องโครงหน้าของเกาหลี
ดูข้อมูลเต็มๆ ได้ที่นี่ค่ะ >>> http://eng.idhospital.com/face/face02.php

ต่อมาจะมีคุณหมอ ทำ V3 Lifting เข้ามาพูดคุยค่ะ
V3 Lifting ปกติคนอายุ ยังไม่ถึง 30 อย่างปาล์มจะไม่ค่อยทำกันนะคะ
แต่ว่าปัญหาของปาล์มคือ เนื้อแก้มเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆ
จนห้อย เหมือนคนอายุ 40 อันนี้ได้ จกคุณพ่อคุณแม่มาเต็ม 555

แต่ทุกครั้งที่มา ID มีคนอายุมากมาทำกันเยอะมากเลยค่า
V3 Lifting ปาล์มไม่ได้เลือกคุณหมออันนี้ รพ.จัดหมอเฉพาะด้านให้ ปาล์มจำชื่อไม่ได้
ยังไงเดี๋ยวถาม รพ.ให้แล้วแจ้งด้านล่างแล้วกันจ้าเพราะโพสแล้วนานไปมันแก้ข้อความไม่ได้เนอะ
คุณหมอคนนี้ค่า

คุณหมอก็เข้ามาอธิบาย เช่นเดียวกับคุณหมอ Lee ว่ามีแผลตรงไหนบ้าง
จะดึงกระชับตรงไหนบ้าง ด้วยความงงว่า V3 Lifting ทำอะไร
หมอก็ อธิบายให้ฟังค่ะ ว่าจะเจาะรูเล็กๆ ด้านล่างตรงคาง ใช้เข็มเลเซอร์เข้าไปละลายไขมัน
แล้วทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง แล้วร้อยไหม ดึงส่วนที่หย่อน
เหมากับคนอายุมาก คนแก้มเยอะ แก้มย้อย คนที่ผ่าตัด V-line ออกมาก จะทำให้กระชับขึ้น
การทำ V3 Lifting สำหรับหน้าปาล์มหมอบอกอยู่ได้ 2 ปีกว่า ถ้าดูแลดีก็ยืดเวลาไปอีก
ถ้าไขมันกลับมากองที่หน้าหลัง 2 ปีก็ต้องทำใหม่

ประมานนี้ค่ะ

อันนี้เป็นข้อมูล

เมื่อคุยกับคุณหมอจนครบแล้ว คุณผู้ช่วยจะเข้ามาถาม และสรุปว่าเราต้องการทำอะไรบ้างค่ะ
ปาล์มก็สรุปทำทั้ง 3 อย่างค่ะ
-โหนกแก้ม
-V-line
-V3Lifting

คุณผู้ช่วยคุณหมอก็จะแจ้งค่ะ ว่า ต้องพักฟื้น 2 weeks ที่นี่ก่อนกลับไทย
จะมีเอกสารมาให้ดูและเซ็นรับทราบ เหมือนหมอทั่วไปเรื่องวางยา เรื่องผลข้างเคียงต่างๆ
การทำ -V-line อาจทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยในบางเคสที่ตัดเยอะ
แต่สำหรับปาล์ม ทำ V3 ร่วมด้วยไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ
เรื่องอาจจะไม่เท่ากันทั้ง 2 ข้างทุกกระเบียดนิ้ว คือโครงหน้าคนเราไม่เท่ากันนะคะ
คุณหมอจะพยายามแก้ไขออกมาให้เท่ากันมากที่สุด เรื่องแผลเป็นในช่องปาก ไรทำนองนี้ค่ะ

เสร็จแล้วปาล์มก็ลงไปจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
เท่านี้ก็เสร็จสิ้น วันปรึกษาค่า ยาวมาก 5555

หลังจากนั้นก็จะมีพนักงานมาบอกให้เราไปขึ้น ลิโม ที่รพ.เตรียมไว้ให้ไปส่งเราที่ โรงแรมค่ะ

——————————————————————

D-Day >>
วันนี้ขึ้นเขียงแล้วจ้า ตื่นมาไม่ต้องแต่งหน้า
รพ.จะมีใบนัดให้ตั้งแต่เมื่อวานนะคะ
ลิโมไปรับเราเร็วกว่าเวลาที่นัด ครึ่ง ชม ปาล์มอยู่กังนัม
แล้วแต่ว่าโรงแรมเลือกพักอยู่ไกลแค่ไหน

ขึ้นลงรถ คนขับทุกคนจะบริการเปิดประตูให้ตลอดนะคะ
เค้าเคร่งมากถ้าเราเปิดเองครั้งหน้าเค้าจะบอกให้รอเค้าจะเปิดเอง 555

ไปถึงก็ยื่นบัตร รอล่าม นะคะ
ต้องอดข้าวอดน้ำ กี่ชั่วโมงจำไม่ได้พยาบาลจะบอกจ้า

น้องล่ามพาขึ้นไปห้องที่จะนอนพักฟื้นคืนนี้
เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วรอพบคุณหมอค่า

ซักพักก็เข้ามารอหมอ น่าจะเป็นห้องของคุณหมอ Lee นะค มี certificate คุณหมอติดเต็มเลยจ้า
จะหว่างรอก็ถ่ายมาให้ดูค่ะ บรรยากาศ ในห้องปรึกษา เป็นแบบนี้เหมือนๆกันทุกห้องค่ะ
จะมีหัวกะโหลกไว้อธิบายการผ่าตัด
วัสดุที่ไว้ยึดกระดูกในหน้าเรา
กระจก เวเฟอร์ วาเฟอร์ไรซักอย่างสำหรับคนผ่าขากรรไกร
อ้อมี หนังสือคุณหมอ ปาร์คเขียนด้วยค่ะลืมถ่ายมา

ซักพักคุณผู้ช่วยหมอคนสวยก็เข้ามาพูดคุยค่า
บรรยากาศเป็นกันเองสนุกสนาน ลืมไปเลยนี่มาผ่าตัดนี่
ตามมาด้วยคุณหมอ คุณหมอ Lee จะเข้ามาสรุปว่าเราอยากได้โครงหน้าทรงไหน
ปาล์มเลือกเอาแบบคางเล็กแหลมเท่าที่จะเป็นไปได้ 555
คุณหมอก็น่ารักมากมายบอกจะทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องห่วง
คุณหมอก็ขีดๆเขียนๆบนหน้าค่า คุณหมอ Lee ปากกาสีแดง
คุณหมอทำลิฟติ้ง ปากกาสี ดำ

วาดเสร็จก็ประมานนี้ค่าเยอะเลย

หลังจากคุณหมอทั้งคู่เข้ามาขีดๆเขียนๆบนหน้าแล้ว คุณผู้ช่วยคุณหมอสุดสวยคนเดิมก็เข้ามาแจ้งเรื่อง การพักฟื้นนะคะ คือถ้าทำแต่ V3 Lifting นี่พักแค่วันเดียวเองค่ะ ของปาล์มทำ 3 อย่างใช่ไหม ก็พักฟื้นในเกาหลี 2 weeks ก็จะแจ้งเราอย่างละเอียดไว้ก่อนว่าสิ่งพวกนี้ที่จะเกิดขึ้นหลังทำเป็นเรื่อง ธรรมดาไม่ต้องตกใจ อันนี้ดีนะคะที่ไทยไม่ค่อยมีบอกไรพวกนี้บอกแต่ว่าห้ามกินไรบ้าง เช่น อาจมีอาการเจ็บปวด บริเวณแผล
อาจจะมีเลือดออก ในจมูก ในคอ หรือแผล ห้ามเคี้ยวของแข็ง สำหรับทำโหนกแก้มกระดูกยังไม่ติด
ห้ามสั่งจมูกให้ใช้วิธีเช็ดแทน จะมีอาการบวมมาก อาการชา ไม่ต้องตกใจไรงี้ คือแบบมันเยอะมากอ่ะได้เราก็จำไม่หมดขอสารภาพค่ะ แฮ่ๆ

เสร็จแล้วเค้าก็จะส่งญาติ หรือคนที่มาเป็นเพื่อนเราที่ชั้น 1 ของปาล์มแฟนมาด้วยนะคะ ให้รอที่ มุมกาแฟ แล้วพาเราลงลิฟท์ปใต้ดินจ้า

ตอนจะเดินผ่านห้องผ่าตัดต้องผ่านห้อง air shower ห้องอาบน้ำด้วยอากาศ?? 555 เป็นห้องฆ่าเชื้อโรคจ้า
ในไทยเคยเห็นห้องนี้ที่โรงพยาบาล กรุงเทพ ตรงที่รับยาน่ะค่ะ หน้าตาเจ้าห้องนี้ของ รพ ไอดีเป็นแบบนี้ค่า
พยาบาลจะบอกว่าให้ปิดหูหลับตาค่า จะมีลมเป่าออกมาแรงนิดนึงค่า

จากนั้นก็เข้าห้องผ่าตัดค่า ไม่ได้ถ่ายมานะคะ อันนี้ก็เกินไปถ้าจะถ่ายมันซะทุกอย่าง 55
ห้องผ่าตัดจะเล็กๆค่ะ เครื่องมือครบ เค้าก็จะ ถามอีกครั้งเรื่องแพ้ยา
เค้าก็จะเจาะเลือด ฉีดยาสลบหรือดมไม่รู้จำไม่ได้แล้วก็คร่อกก หลับไปเลย

ไม่รู้บอกไปยัง คุณหมอที่ ทำ V3 Lifting ที่ลืมบอกชื่อ คือ Dr. Seo Young Tae นะคะ
หลังจากเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว แฟนก็มาเล่าให้ฟังว่า คุณหมอ Lee มาที่ห้อง เพื่อมาบอกแฟนเราว่า
การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี เป็นที่น่าพอใจมากต้องรอหน่อยนะ ตอนนี้รอคุณหมอ Dr. Seo Young Tae มาทำ V3 Lifting อยู่ เราคิดว่า น่าจะใช้เวลา นานพอสมควรนะคะ ผ่ากี่ชั่วโมงไม่รู้ แต่ผ่า และไปพักที่ห้องดูอาการ น่าจะ 5-6 ชั่วโมง

มารู้สึกตัวอีกทีตอน ถึงห้องและอยู่บนเตียงละ 555 อะไรเนี่ย แบบไม่รู้เรื่องไรเล๊ยยย
คำแรกที่พูดคือหนาว คือก่อนหน้านี้ตอนเราทำ หน้าอกที่ไทย เราสั่นมากๆๆๆ
คือไม่รู้เป็นไรชอบสั่น เวลาหนาวแบบควรคุมไม่ได้ ตอนผ่าที่ไทยพยาบาลจากห้องผ่าตัด
ต้องแจ้งมาที่หวอดว่า คนไข้คนนี้สั่นยังกะลูกนก เค้าก็พยายามปิดแอร์เอาผ้ามาห่ม นานอ่ะกว่าจะหาย
แต่ที่เกาหลีเริดมากค่า สั่นหรอ เอาผ้าไฟฟ้ามาวางทับตัว ไม่เกิน 5 นาทีก็หายละค่ะ

เสร็จละก็มีอะไรนักไม่รู้ระโยงระยางไปหมด คือคุณแฟนก็มัวตื่นเต้นไม่ถ่ายไรมาเลย เห้อ อธิบายแทนละกันเน้อ
จะมีที่วัดชีพจรใส่นิ้วไว้ และมีจออยู่ด้านหลัง เครื่องฟอกอากาศ พ่นไอน้ำ แล้วก็จอไรนักไม่รู้ ปุ่มกดเรียกพยาบาล เสาน้ำเกลือ เค้าเริดมาก คือ ห้อยน้ำเหลือ มีเครื่องให้ยา เครื่องให้ยาแก้ปวดตัวเองแบบกดปุ่ม
มีที่เกาะรอบเสาไว้เข็นไว้ยัน เริดดีค่า

ช่วงนี้คือดูอาการรอบ 2 เคร่งมาก ที่ไทยไม่มีแบบนี้นะ ภายใน 6 ชั่วโมงที่ออกจากห้องดูอาการ ห้ามนอน !!!!!!
ห้ามนอน !!!!!! ถึงขนาดเอาป้ายมาติดที่เสาน้ำเกลือว่านอนได้กี่โมงโห แบบทรมานมาก ไม่ได้เจ็บปวดไรเลยนะสำหรับเราอ่ะแต่โคตรง่วงอ่ะ พยายามหายใจลึกๆทางปากให้แก๊สยาสลบออกให้หมด
ไม่มีอาเจียรหรือไรเลยนะคะ ทีนี้ก็ต้องมีคนคอยปลุกค่ะ ห้ามหลับ ในห้องเค้าจะมี จอคอมให้มีคีย์บอร์ดเมาส์ เราก็พยายามเปิดซีรี่ย์ ออนไล เปิดไรดู ก็ง่วงอยู่ดี อันนี้แล้วแต่คนนะคะ หลังๆแฟนปลุ๊กหนักเข้า
เริ่มจะตะคอกและ มันง่วงจริง พอ 4 ทุ่ม ญาติต้องกลับ รร. นะคะ ทีนี้ละจ้า กว่าจะนอนได้ตี 1 ไม่มีคนปลุกละค่า
เราก็ใช้วิธีเปิดซีรี่ย์เสียงดังก็แล้ว ไม่ได้ผล 555 เลยเอาโทรสับมาตั้งปลุ๊กมันทุก 5 นาที ก็หลับตลอดอ่ะ หลับๆตื่นๆมันทุก 5 นาที

ไม่เจ็บปวดเลยไม่ได้กดยาแก้ปวดให้ตัวเองเลยนะคะ เห็นในหนังเค้าทำกันไอ้เราก็ไม่รู้เรื่องแล้วตอนนั้นไม่มีอารมณ์ทำไรละเริ่ม หงุดหงิดไม่ได้นอน