สาวเชียงรายทำผิดศีลข้อ 2 และข้อ 4 ‘ลักทรัพย์-มุสา’ โดนผลกรรมลงโทษทันที ไปขโมยเงินในหอพักแล้วเผากล้องวงจรปิดเพราะกลัวคนเห็นภาพแต่ไฟลุกลาม เลยโกหกทำทีเป็นผู้ประสบเหตุเรียกคนมาช่วย แต่สุดท้ายไม่รอด ตำรวจได้ภาพจากกล้องบุกจับคาร้าน…
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 11 ส.ค. 58 พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ รักษาการ ผกก.สภ.ช้างเผือก ได้แถลงข่าวการจับกุมตัว นางเกษร จิติใจ อายุ 35 ปี ชาวบ้าน หมู่ 9 ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นเจ้าของร้านอาหารครัวเกษร ขายอาหารตามสั่ง พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 5,000 บาท โดยแจ้งข้อหา “วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน” เหตุเกิดที่หอพักโมเดิร์นเพลส ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 เผยว่า การจับกุมตัวนางเกษร จิติใจ เจ้าของร้านขายอาหารตามสั่ง สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 10 ส.ค. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ รับแจ้งว่าเกิดเพลิงไหม้บริเวณห้องทำงานชั้นล่างของหอพักโมเดิร์นเพลส ต.ช้างเผือก ซึ่งเป็นหอพักขนาด 5 ชั้น จึงรีบแจ้งทางรถดับเพลิงเทศบาลตำบลช้างเผือก รุดไปที่เกิดเหตุ พบว่าคนที่มาเช่าหอพักช่วยกันดับเพลิงอยู่ก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยจนเพลิงสงบ พบว่าภายในห้องทำงานของพนักงานหอพักเสียหาย แต่ไม่ได้ลุกลามไปยังห้องอื่น
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เข้าร่วมตรวจสอบสาเหตุเพลิงไหม้ กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ จนพบจุดที่เกิดเพลิงไหม้อยู่บริเวณที่เครื่องบันทึกเทปกล้องวงจรปิด จึงทำการกู้ข้อมูลของเซิร์ฟเวอร์ในส่วนที่ยังไม่ถูกเพลิงไหม้ พบว่าสาเหตุไม่ได้เกิดจากไฟไหม้เองแต่มีคนวางเพลิง และกล้องก็สามารถบันทึกภาพไว้ได้หลังจากที่มีการงัดตู้ที่เก็บเงินค่าเช่า ของหอพัก และเห็นคนร้ายชัดเจนว่าเป็นนางเกษร จิติใจ ที่สามีทำงานเป็นลูกจ้างดูแลหอพักแห่งนี้อยู่ ทางตำรวจจึงได้ติดตามไปที่ร้านอาหารครัวเกษร ที่อยู่ใกล้หอพักในตอนเช้าวันที่ 11 ส.ค. พบนางเกษรอยู่ในร้านจึงแจ้งข้อหา และเข้าควบคุมตัว ซึ่งนางเกษรในชั้นแรกให้การปฏิเสธ แต่ก็จนด้วยหลักฐานจึงสารภาพ
ทั้งนี้ นางเกษร รับสารภาพว่า ตนเดือดร้อนมีปัญหาเรื่องเงิน และทราบว่าในตอนเย็นพนักงานของหอพักจะเก็บเงินค่าเช่าหอพักของผู้ที่มาเช่า ไว้ในออฟฟิศทุกวัน จึงได้แอบนำกุญแจของสามี ที่ทำงานเป็นลูกจ้างดูแลหอพัก นำไปไขห้องออฟฟิศของหอพักในช่วงเวลา 03.40 น. วันที่ 10 ส.ค. แล้วใช้กุญแจเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน จนพบกระเป๋าใส่เงินจำนวน 70,000 บาท ในระหว่างนั้นได้สังเกตเห็นกล้องวงจรปิด เกิดความกลัวว่าจะถูกบันทึกภาพได้ จึงพยายามทำลายโดยนำเอากระดาษตามโต๊ะทำงานมากองไว้ที่กล่องเซิร์ฟเวอร์แล้ว จุดไฟเพื่อจะเผา แต่ปรากฏว่าไฟไหม้และลุกลาม จึงเกิดความกลัวร้องตะโกนขึ้น ทำให้เกิดความแตกตื่น และมีคนมาช่วยกันดับ ส่วนตัวเองทำทีเป็นผู้ประสบเหตุและแจ้งให้คนช่วย ก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่ร้าน จนกระทั่งตำรวจไปจับกุมตัว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ได้กล่าวในตอนท้ายว่า เรื่องนี้เดชะบุญที่มีคนมาช่วยกันดับไฟได้ทันไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดโศก นาฏกรรมขึ้นได้เพราะอาคารหลายชั้น ไฟไหม้คนหนีลงมาไม่ทันอาจจะมีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ส่วนข้อเท็จจริงว่ามีคนอื่นร่วมด้วยหรือไม่ และเงินที่หายไปจำนวนหนึ่ง จะต้องมีการตรวจสอบต่อไป.
EmoticonEmoticon
Note: Only a member of this blog may post a comment.